บทความนี้เป็นการบอกเล่าเรื่องราว ประสบการณ์และความประทับใจของเยาวชนที่ได้เข้าร่วมโครงการ Discover Patani ซึ่งจัดขึ้นโดยมูลนิธิความร่วมมือสันติภาพ (PRC) ที่ได้นำเยาวชนจากทั่วประเทศและเยาวชนจากในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันในประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น ความขัดแย้งและสันติภาพ ประวัติศาสตร์ และศิลปวัฒนธรรม
“ผู้เขียนรู้สึกปราบปลื้มและประทับใจเกี่ยวกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่าง ยิ่ง มุมมองใดๆ ที่ผู้เขียนเคยคิด เคยได้ยินนั้นมลายหายสิ้น เหลือเพียงแค่ความประทับใจ ภาพจําดีๆ มิตรภาพที่แสนหวานจากกิจกรรมครั้งนี้”
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ PRC ที่จัดกิจกรรม Discover Patani ขึ้นมา ซึ่งเป็นโครงการที่น่าสนใจและ มีประโยชน์เป็นอย่างมาก ตลอดระยะเวลาที่ผู้เขียนได้เข้าร่วมกิจกรรม ก็รู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก ตัว ผู้เขียนเองยังคงจดจําทุกช่วงเวลาที่เข้าร่วมโครงการได้เป็นอย่างดี ช่างมีความหมายและตราตรึงในหัวใจ ผู้เขียนเองได้พบปะเพื่อนที่ต่างมาจากคนละมหาวิทยาลัย ต่างจังหวัด ต่างภูมิภาค แต่สิ่งหนึ่งที่เราต่างก็มี เหมือนกันคือ เราต่างก็มีความตระหนักที่จะพยายามหาคําตอบที่ว่า “เกิดอะไรขึ้นกับสามจังหวัดชายแดน ภาคใต้” ผู้เขียนจะขออธิบายรายละเอียดของแต่ละวันในการทํากิจกรรมและความประทับใจที่เกิดขึ้น ดังนี้
วันที่ 1 ผู้เขียนเองได้เดินทางจากมหาวิทยาลัยไปสนามบิน ตลอดระยะเวลาการเดินทางนั้น ผู้เขียนยอมรับว่า ผู้เขียนเองยังมีความกระวนกระวายอยู่ในใจอยู่ ด้วยเพราะข่าวหรือคําบอกเล่าที่ตนเคยได้ ยินมาเกี่ยวกับสามจังหวัด ความรุนแรงสะท้อนออกมาในรูปแบบของการก่อเหตุต่างๆอยู่เนืองๆ
ประมาณ 5-6 ชั่วโมงก่อนจะเดินทางมาถึงที่พักก็ได้แวะรับประทานอาหารที่แถวๆตลาดข้าง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี และความคลายใจของผมก็ได้หมดไปเมื่อผมได้พูดคุยกับ พ่อค้า-แม่ค้าในพื้นที่ผมรู้สึกว่า 3 จังหวัดก็เป็นเหมือนๆกันกับทุกๆที่วิถีชีวิตที่เรียบง่ายผู้คนมีทัศนคติที่ดี มากๆ ทุกคนต่างยิ้มรับคนต่างถิ่นอย่างพวกผม ความกังวลในใจของผมหายไปหมดสิ้นหลังจากนั้นผู้เขียนก็ เดินทางกลับมาที่พักและเตรียมพร้อมสําหรับวันพรุ่งนี้
วันที่ 2 ตามตารางของกิจกรรมมีการให้ความรู้ โดยการเชิญวิทยากร นักวิชาการ นักวิจัย อาจารย์มาให้ความรู้และสะท้อนออกมาในแง่มุมต่างๆ ในช่วงแรกมีการหยิบยกประเด็นด้านประวัติศาสตร์ และความเป็นมาของปัตตานี หรือที่คนในพื้นที่เรียกว่า ปาตานี ซึ่งก็เป็นอาณาจักรโบราณหรือก็คือ ประเทศ หนึ่งในอดีตที่มี วัฒนธรรม วิถีชีวิตที่มีเอกลักษณ์ในตัว มีอัตลักษณ์ที่สูง ตลอดการบรรยายก็ได้มีการ อรรถาธิบายตั้งแต่เริ่มต้น-ปัจจุบัน ตั้งแต่การวิวัฒนาการทางความเชื่อของผู้คนในบริเวณอาณาจักร ปาตานี ซึ่งค่อนข้างมีความคล้ายคลึงกันกับอาณาจักรของไทยในอดีต แต่ภายหลังรับอิทธิพลความเชื่อทางศาสนา อิสลามเข้ามา ผ่านทางการค้าขายกับชาติอาหรับในเวลาต่อมา
ในช่วงที่ 2 นั้นเองก็จะเป็นการบรรยายในส่วนของ Violence เป็นการนําทฤษฎีทางการเมือง เข้ามาเปรียบเทียบผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นและหยิบยกกรณีศึกษาของต่างประเทศ ที่เคยเกิดขึ้นมาศึกษาและ ร่วมกัน Discussed ในประเด็นในปัจจุบันและถาม-ตอบ กับผู้บรรยาย อย่างตรงไปตรงมา เพราะเราต่างก็รู้ กันดีว่า ประเด็นดังกล่าวนี้เอง หากเราจะพูดกันก็ไม่ใช้เรื่องแปลก แต่ 3 จังหวัดที่มีความละเอียดอ่อนทาง ความคิด ความเชื่อนี้ถือเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก จากการสอบถามเพื่อนที่เข้าร่วมโครงการด้วยกันเองนั้น ซึ่งเป็น คนในพื้นที่นี้เอง ก็ได้คําตอบว่า ประมาณ 2-3 ปีมานี้ เราเริ่มมีการพูดคุยประเด็นนี้มากยิ่งขึ้นตามสถานที่นัด รวมตัวกันอย่าง ร้านน้ําชา แสดงให้เห็นว่าเริ่มมีผู้สนใจประเด็นดังกล่าวมากยิ่งขึ้นทั้งคนในพื้นที่เอง และคนนอกพื้นที่เองที่กําลังมองมา ต่างก็เกิดคําถามเดียวกันว่า “เกิดอะไรขึ้นกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้” มันเป็นการดี ที่หากเราร่วมกันสนใจและตระหนักถึงปัญหาที่แท้จริง ต้นตอที่แท้จริงและนําไปสู่วิธีการแก้ปัญหาอย่าง สันติวิธี
ในช่วงที่ 3 หลังจากพักกลางวัน ก็ได้มีการจัดกิจกรรมหนึ่งที่ดีมากๆ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับปัญหา 3 จังหวัดหรือใดๆ เกมส์นี้เป็นเกมส์ที่ทดสอบเกี่ยวกับจิตใจของตัวเราเอง ที่มีชื่อว่า “ยาเม็ดนี้จะให้ใคร” เกมส์จะให้ตัวเลือกเป็น ผู้คนที่มีอาการเจ็บป่วยมาและรวมถึงภาระของคนๆนั้น เช่น ต้องดูแลแม่ ดูแลลูก และให้ตัวของผู้เล่นเอง เลือกว่าจะให้ยาตัวนี้แก่ใคร ในเมื่อยามีแค่ 1 เม็ด และผู้เล่นทุกคนต่างก็เลือกกันมา พร้อมอธิบายเหตุผล ทั้งนั้นเองเมื่อทุกคนตอบจนหมดแล้ว ตัวเลือกสุดท้ายก็เปิดเผยขึ้น เป็น “คนที่คุณรัก” และคําถามของวิทยากร คือ “คุณยังเลือกที่จะให้ยาแก่คนที่คุณเลือกคนแรกอยู่ไม่ ในเมื่อมีคนที่คุณรักอยู่ ด้วย” ลึกๆแล้วคําตอบของคําถามนั้นเอง มันอยู่ในใจส่วนลึกของจิตใจของผู้เล่นอยู่แล้วแน่นอนที่สุด
จากกิจกรรมดังกล่าวเองดูเหมือนไม่มีความสําคัญหรือเกี่ยวข้องอย่างไรต่อปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เรา จะศึกษาเลย แต่หากเราเป็นคนธรรมดาก็คงไม่แปลกอะไรที่จะต้องตัดสินให้กับคนที่เรารัก แต่หากเราเป็นผู้ที่ปกครองคนหมู่มากละ เราจะเลือกทําอย่างไร เกมส์ดังกล่าวมันสะท้อนให้เห็นด้านลึกของจิตใจของคนเรา ทําให้เรารู้เราเองมากยิ่งขึ้น
วันที่ 3 กิจกรรมของเราเป็นการเดินทางตลอดทั้งวัน ซึ่งสถานที่แรกนั้น คือ สถานที่สําคัญ แห่งหนึ่งที่มีความทรงจําในอดีตเหตุการณ์ทางการเมืองและรวมถึงเป็นสถานที่โบราณทางประวัติศาสตร์ คือ มัสยิดกรือแซะ ซึ่งก็ยังคงเป็นพื้นที่ที่เหล่าผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นเข้ามาละหมาดอยู่ตลอดเวลา และอยู่ในการ ดูแลของกรมศิลปากรในปัจจุบันและยังเป็นมัสยิดที่มีอายุมากแห่งหนึ่งที่คงเหลืออยู่ในปัจจุบัน ต่อมาได้ออก เดินทางไปยัง สถานที่ที่ผู้คนนิยมไปสักการะหรือเคารพขอพร อย่าง ฮวงซุ้ยของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ซึ่งเป็นที่ ทราบกันดีว่า ปาตานี ในอดีตนั้นเป็นเมืองที่มีภูมิศาสตร์ติดทะเล ด้วยจุดนี้เองก็ทําให้ผู้คนหลั่งไหลเข้ามา ผ่านทางการค้าขาย หนึ่งในนั้น คือ ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ตั้งแต่อดีต-ปัจจุบันยังคงมีชาวจีนอยู่อาศัยในบริเวณ นั้นอยู่
เมืองโบราณยะรัง เป็นสถาปัตยกรรมโบราณที่บอกเล่าเรื่องราวถึงความรุ่งเรืองของ ศาสนาฮินดูใน อดีตก่อนภายหลังที่ ปาตานี จะแปลเปลี่ยนกลายมาเป็นเมืองอิสลามในราวๆ ศตวรรรษที่ 6-7 บริเวณรอบๆ เต็มไปด้วยเจดีย์ โบราณสถาน วัตถุ เครื่องใช้สังคโลก ซึ่งเราอาจพูดได้ว่าเมืองโบราณยะลังนั้นเป็นสถานที่ๆ นักโบราณคดีสามารถขุดค้น พบเจอโบราณวัตถุได้มากที่สุดในประเทศก็ว่าได้ ซึ่งมากกว่าแหล่งโบราณวัตถุ บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี แต่แปลกที่น้อยคนจะรู้ข้อมูลเหล่านี้
ผลพวงจากเหตุการณ์ทางการเมืองทําให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจํานวนมาก หนึ่งในนั้นคือ เหตุการณ์ ตากใบ ที่มีผู้เสียชีวิตมากถึง 78 คน และสถานที่ที่เราไปนั้นก็เกี่ยวข้องกัน ที่เรียกว่า มัสยิด ตะโละมาเนาะ ที่ มีอายุราวๆเกือบ 400 ปี เป็นสถานที่สําคัญหนึ่งในที่ๆ มีผู้คนมาละมาคและใช้งานจนถึงปัจจุบัน อาคารทั้ง หลังมาจากไม้เนื้อแข็งและเป็นอาคารที่สร้างขึ้นโดยไม่ใช้ตะปู แต่เป็นการตอกลิ้มเข้าแทนรวมถึง ลวดลายที่ เป็นเอกลักษณ์ที่งดงามแบบมลายู รวมถึงรอบๆมัสยิดเองก็เป็นสุสาน (กุโบร์) ที่ฝังร่างของผู้เสียชีวิตจาก เหตุการณ์ตากใบบางส่วนที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้
ที่สุดท้ายของการเดินทางทัศนศึกษาครั้งนี้ เราได้เดินทางไปยังวัดหน้าถ้ำ จังหวัดยะลา ซึ่งบางคนอ่านมาจนถึงตอนนี้ ก็คงรู้สึกแปลกใจว่า 3 จังหวัดมีวัดด้วยหรือ? แน่นอนครับ ก่อนแปลเปลี่ยนรับอิสลามเข้ามาผู้คนละแวกดังกล่าวนับถือ พราหมณ์และฮินดูรวมถึงพุทธมาก่อน และวัดหน้าถ้ำเองก็เป็นเครื่อง ยืนยันหนึ่งว่า ศาสนาพุทธได้เคยเข้ามามีอิทธิพลใน 3 จังหวัดมาก่อน ภายในวัดมีความน่าสนใจ เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูป สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในถ้ำและบ่อน้ําเย็น แหล่งน้ําภายในถ้ำที่เชื่อกัน ว่าเป็นแหล่งน้ําศักดิ์สิทธิ์และมักจะนําไปประกอบพิธีบวงสรวงต่างๆภายในพระราชวัง
วันสุดท้ายของกิจกรรม เราเดินไปยัง Pattani Artspace สถานที่ซึ่งถ่ายทอดความรู้สึกของผู้คนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ผ่านงานศิลปะ ภาพถ่าย รูปวาด ปติมากรรมต่างๆ และก็ยังได้พบปะกับนักกิจกรรม ผู้ซึ่งทํางานเพื่อคนในสังคม เยียวยาสังคม ใช้กฎหมายเพื่อเรียกร้องและต่อสู้อย่างสันติวิธี ภายหลังจบกิจกรรมผมก็ได้เดินทางกลับ
ท้ายที่สุดนี้ ผู้เขียนรู้สึกปราบปลื้มและประทับใจเกี่ยวกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่าง ยิ่ง มุมมองใดๆ ที่ผู้เขียนเคยคิด เคยได้ยินนั้นมลายหายสิ้น เหลือเพียงแค่ความประทับใจ ภาพจําดีๆ มิตรภาพที่แสนหวานจากกิจกรรมครั้งนี้ มันช่างน่าแปลกใจที่เราต่างเดินทางมาจากสถานที่ต่างกัน ความคิด ต่างกัน ความเชื่อ อะไรก็ตามที่มันหล่อหลอมให้เราเป็นเราในวันนี้มันช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่เราก็ สามารถเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้อย่างสนิทใจและสบายใจ และผู้เขียนเชื่ออย่างสนิทใจเลยว่าหากเราเรียนรู้ที่จะยอมรับในความแตกต่างกันปัญหาใดๆ ก็จะมลายไปสิ้น
แบ่งปันเรื่องเล่าโดย
จิมมี่ … อายุ 18 กำลังศึกษา ..
1,038 ครั้ง